จากที่ได้ซื้อรถ swift คันนี้มา น่าจะมือสามได้มั่ง ประมาณเดือน เม.ย. หรือไม่ก็ พ.ค 2016 ซึ่งรถจดทะเบียนปี 2012 เท่ากับว่าผ่านมาแล้ว 4 ปี เลขกิโลประมาณ 60,000 ซึ่งถือว่าใช้น้อยแต่รถทำสีใหม่มาเป็นสีส้มที่สวยยยยยยมาก
เข้าเรื่องกันเลยแล้วกันครับ
สำหรับ swift 1.2 คันนี้ผมจะพูดเป็นแต่ละจุดไปแล้วกันนะครับ
น้ำมันเครื่อง
ผมใช้ของ ptt 0w-20 เกือบมาตลอด ตอนแรก ๆ จะมีกึ่งสังเคราะห์ น่าจะปี-สองปี หลังจากนั้นก็ใช้ ptt 0w-20 มาโดยตลอดครับ เปลี่ยนทุก ๆ 10,000 กิโลเมตร
ส่วนใหญ่จะไม่เกิน เปลี่ยนก่อนซะมากกว่า ซื้อจากที่ใช้มาเป็นเวลา 7ปี เครื่องยนต์ก็ไม่มีอะไรผิดปกติครับ
กรองน้ำมันเครื่อง
ผมใช้ของศูนย์ซูซูกิมาโดยตลอด ไม่อยากเสี่ยงกับของเทียบ เพราะราคาไม่ต่างกันมาก ถือว่ายอมจ่ายเล็กน้อยเพื่อลดความเสี่ยงครับ และเปลี่ยนทุกครั้งที่ถ่ายน้ำมันเครื่องครับ
กรองอากาศ
ผมใช้ของศูนย์มาโดยตลอดอ ซึ่งผมยอมรับราคาได้เพราะตั้งแต่ปี 2016มานั้นราค่าประมาณ 230 ราคาก่อน vat แต่เมื่อปี2013ได้มีการปรับราคาขึ้นมาเป็น390 ผมว่าปรับราคาขึ้นมากกกกกก เลยครับ กี่เม่าคิดเอาเองแล้วกันครับ กรองอากาศผมเปลี่ยนทุก10,000แต่ดูด้วยว่าถ้ายังไม่ดำมาก ก็พอยืดไปได้
แต่ตอนนี้ผมซื้อของเทียบใช้แล้วราคาร้อยนิด ๆ ผมก็ว่าจะเปลี่ยนทุก ๆ 5,000 กิโลเมตร แต่ถ้าสกปรกไม่มากก็ยืดไปได้นิดหน่อยไม่ให้ถึง10,000 ครับ
กรองแอร์
ผมใช้ของเทียบมาโดยตลอด เพราะของเทียบผมคิดว่าไม่ค่อยต่างจากของศูนย์เท่าไหร่แค่ต้องลองซื้อมาใช้แต่ละยี่ห้อ ซึ่งของศูนย์ราคาตอนนั้นคือ550ของเทียบร้อยกว่าบาท สองร้อยกว่าบาท ที่ผ่านมา ผมใช้ประมาณสองร้อยกว่าบาท ผมดูแลแบบนี้ครับ ถ้าผมดูดฝุ่นล้างรถ ผมก็จะเอามาทำความสะอาด ดูทุกครั้งว่ามันสกปรกก็จะเปลี่ยน เรื่องนี้ไม่ตายตัวเพราะแถวบ้านผมฝุ่นเยอะ
น้ำมันเกียร์
ผมใช้ของศูนย์ซูซูกิ เพราะเชื่อมั่นว่าของศูนย์ย่อมผ่านมาตรฐาน และราคาเกียร์มันสูงและถ้าดูแลไม่ดี มันจ่ายเยอะ เลยเลือกที่จะดูและป้องกันดีกว่าเสียแล้วซ่อมครับ สำหรับการเปลี่ยนถ่าย ผมเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทุก 20,000 กิโลเมตร ผมแนะนำให้ใช้วิธีการแบบดูด ซึ่งที่ศูนย์ไม่มีให้บริการ จึงต้องหาร้านข้างนอก แบรนด์ดัง ๆ ได้หมดหรือร้าน/อู่ที่มีเครื่องดูดก็ได้ เพราะถ้าถอดน็อตที่อ่างน้ำมันเกียร์มันจะได้ประมาณ 2 ลิตร แต่ถ้าใช้วิธีการดูด จะได้มากกว่า 2 ลิตร เท่ากลับว่าเรานำน้ำมันเกียร์ออกมาได้มากขึ้นผมจึงเลือกใช้วิธีดูด
ส่วนการเปิดอ่างน้ำมันเกียร์ผมจะทำทุก ๆ 80,000 กิโลเมตร เท่ากับถ่ายน้ำมันเกียร์ออก 4 รอบ แล้วค่อยเปิดอ่างล้างเศษผงคลัช และเศษโลหะจากการสึกหรอครับ รอบแรกที่เปิดอ่างก็จะมีเศษโลหะเยอะอยู่ ดังนั้นผมแนะนำคือถ้าถ่ายน้ำมันเกียร์ 2 รอบจากที่ได้ใช้รถครั้งแรก เปิดอ่างเลยก็จะดีครับ
น้ำยาหม้อน้ำ
ผมใช้ของศูนย์ซูซูกิ เปลี่ยนทุก 40,000 กิโลเมตร อย่าใช้น้ำเปล่าเติมครับ แต่ถ้าจำเป็นจริง ๆ ก็ใช้น้ำดื่ม หรือถ้าเตรียมได้ก็ใช้น้ำกรองที่ผ่านกรอง ro เท่านั้นจะได้ไม่มีอะไรเจือปน แต่สุดท้ายก็ควรถ่ายทิ้งถ้าเติมเยอะนะครับแล้วใสน้ำยาหม้อน้ำตามเดิม
หัวเทียน
ผมใช้ของศูนย์ซูซูกิเหมือนเดิม ราคาไม่ต่างกันมากนักกับข้างนอก มันใจได้ว่าไม่โดนของปลอมครับ เปลี่ยนทุก 40,000กิโลเมตร
แบตเตอรี่
ควรเติมน้ำกลั่นทุก ๆ 3-4เดือนครับ เรื่องว่าจะเปลี่ยนเมื่อไหร่ ผมจะเปลี่ยนเมื่อตรวจสอบค่า cca ต่ำกว่า180
หรือ 150มันก็จะเสี่ยง ๆ ไปหน่อย เพราะค่าcca ที่จะสตาร์ทรถได้คือ 1,200x0.13= 156 cca หรือคุณจะรอให้ออกอาการคือเวลาสตาร์ทแล้วมันลากยาวกว่าปกติ ก็เตรียมตัวเปลี่ยนก็ได้ครับ
น้ำมันเบรค
ผมใช้ของศูนย์ซูซูกิตามเคย เปลี่ยนทุก ๆ 20,000 กิโลเมตร
จากที่กล่าวมาข้างต้นคือการดูแลโดยทั่วไป ส่วนอะไหล่อื่น ๆ ที่ผมจะแจ้งให้ทราบเป็นอะไหล่ที่มีอายุการใช้งานที่นาน แต่ก็ควรต้องรู้ว่าถึงเวลาต้องดูและ หรือรถเราก็จะแจ้งเตือนว่าใกล้เสีย ใกล้ที่ต้องเปลี่ยนต้องแก้ไข ซึ่งทุกครั้งที่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องก็ควรตรวจสอบเราจะได้ทราบว่ามันมีอาการอะไรตรงไหนแค่ไหน ไกล้ที่ควรต้องเปลี่ยนหรือยัง ถ้าเปลี่ยนแล้วก็เลิกดูไปได้นานเลยเพราะมันไม่ได้เสีย บ่อย ๆ
ระบบแอร์
ผมก็จะล้างแผงแอร์หน้ารถทุกครั้งที่ล้างรถ ก็จะช่วยให้ระบบแอร์ทำงานได้ดีขึ้น ถ้าระบบแอร์มีการรั่วภายในห้องโดยสารจะได้กลิ่นเปรี้ยว ๆ อายุการใช้งานผ่านมา4-5ปี ต้องสังเกตดูครับ ส่วนใหญ่จะรั่วที่ตู้แอร์ คำแนะนำคือ ต้องแก้ไขด่วน เพราะมิฉะนั้นจะส่งผลให้คอมแอร์ทำงานหนักซึ่งถ้ายังไม่สามารถซ่อมได้จะเติมน้ำยาแอร์ไปก่อน ก็ต้องเติมน้ำมันคอมเพรสเซอร์ ไปด้วยสักเล็กน้อย แต่ถ้าจะเปลี่ยนชิ้นส่วนที่รั่ว ก็ให้ช่างถ่ายน้ำมันคอมเพรสเซอร์เลย เพราะเราไม่รู้ได้เลยว่าน้ำมันมีมากน้อยเพียงใด
อะไหล่อีกชิ้นส่วนระบบแอร์ที่ต้องเปลี่ยนเมื่อเวลาผ่านไปประมาณ7-8ปี แต่ของผม 10ปีที่เปลี่ยน คือหน้าคลัชแอร์ ระยะกิโลคือ314000 กิโลเมตร แต่อย่ายึดเวลาและระยะทางเพราะมันแปลเปลี่ยนไปตามรูปแบบการใช้งานวิ่งทางไกล ยาว ๆ อายุมันก็จะนาน กว่าวิ่งรถติด ๆ ในเมืองครับ
โช็คอัพ
โช๊คหน้าผมใช้ได้แค่ 4 ปี ของศูนย์ซูซูกิครับ โช๊คหลัง จริง ๆ มันก็ยังไม่เสียนะครับ แต่เปลี่ยนตอน10ปี
ล่าสุดโช๊คเดิม ผมเอาไปซ่อมใช้มาได้ ปีนิด ๆ แล้ว เหตุผลที่ซ่อมคือลองดูเห็นว่ามีประกันเลยซ่อม ดีนะที่ต้องเข้าซ่อมประกัน 1ปี ผ่านไป 6เดือน รั่วโชคดีที่เค้ายังแก้ไขให้เลยไม่เสียเงิน ถ้าหาร้านที่รับประกันได้ก็น่าลองครับแต่อายุในการรับประกันถ้าแค่6เดือน ก็ไม่น่าลอง ซื้อของใหม่ดีกว่าครับ ผมแนะนำแบบนี้แล้วกัน
พัดลมหม้อน้ำ
ตั้งแต่ได้รถมาสามารถใช้ได้ 10ปี ระยะทาง 328310 กิโลเมตร แต่คุณอาจจะใช้ได้มากหรือน้อยกว่าผมได้ เนื่องจากการลักษณะการใช้งานแตกต่างกันไป ส่วนใหญ่ผมจะใช้วันละร้อยกิโลนิด ๆ วิ่งทางยาว ๆ บางวันก็เข้าพื้นที่ที่มีการจราจรติดบ้าง ดังนั้นผมแนะนำว่าทุก 250,000 หรือไม่ก็ 200,000 ตรวจเช็คแปรงถ่านได้ครับ สามารถเปลี่ยนแปรงถ่านแล้วใช้งานต่อได้แกนมอเตอร์ผมเห็นว่ามันสึกไม่เยอะครับ
วาล์วน้ำ
เนื่องจากผมเข้าศูนย์เพื่อนเปลี่ยนมอเตอร์พัดลมหม้อน้ำ จึงได้คุยกับช่างถึงอะไหล่ชิ้นส่วนอื่น ๆ ช่วงนี้มี swift เข้ามาซ่อมบ้าง ผมจึงได้ทราบว่ามีเรื่องวาล์วน้ำ ผมจึงให้ช่างตรวจสอบด้วย จึงทราบว่าวาล์วน้ำผมเปิดตายไม่สามารถปิดเมื่อน้ำเย็นลง ผมจึงแนะนำให้ตรวจสอบทุก 200,000 กิโลเมตร ครับแต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขใช้ย้ำยาหม้อน้ำตลอดครับ ถ้าไม่ใช้น้ำยาหม้อน้ำ ก็คงต้องลดระยะทางลงถ้าจะตรวจสอบอะไหล่ชิ้นนี้
ไดร์ชาร์จ
ผมเสียตอนระยะทาง 339700 กิโลเมตร เวลาประมาณ10ปี ครึ่งได้ ผมโชคดีที่ขับ ๆ อยู่ไฟแบตแสดงขึ้นมาผมก็ประคองรถไปเรื่อย ๆ จนดับที่หน้า โรงพยาบาลศิริราช จึงโทรหาร้านแบตเพื่อให้นำแบตมาเปลี่ยน และให้ตรวจสอบว่าเป็นที่ไดชาร์จหรือเปล่า สรุปเป็นที่ได้ ผมจึงจำเป็นต้องเปลี่ยนแบตก่อนเวลาอันควร และหาที่จอดรถทิ้งไว้ แล้วอีกวันผมก็ขับไปที่ศูนย์ซูซูกิแยกไฟฉาย เพื่อตรวจสอบและคิดว่าจะเปลี่ยนไดชาร์จที่ศูนย์เลย แต่พอไปถึงไม่มีอะไหล่ต้องสั่ง ผมเลยค้นหาร้านซ่อมแล้วจึงขับไปซ่อมไดชาร์จครับ ดังนั้นผมแนะนำให้เปลี่ยนตอน 300,000 กิโลเมตร หรือจะตรวจสอบ\ซ่อมแซม\เปลี่ยนก่อนก็ตามสะดวกครับ
โบวเวอร์
พัดลมแอรในห้องโดยสารผมเสียตอน 10 ปีครึ่ง ระยะทางที่ 337172 กิโลเมตร โดยมีอาการคือลมแอร์หายไปเพราะพัดลมไม่ทำงาน ลองเอาเท้าแตะ ๆ มันก็ทำงานทำแบบนี้ได้ 2-3 ครั้งครับ แต่ถ้ามีอาการแบบนี้รีบเปลี่ยนได้เลยครับ
ท่อน้ำและฝาครอบวาล์วน้ำ
ผมเปลี่ยนตอน 380,281 กิโลเมตร ตอนเห็นสภาพคือมันจะเกิดสนิม ตรงคอท่อที่ส่วมท่อยาง แต่จริง ๆ แล้วผมคิดว่ามันเป็นหินปูนหรืออะไรสักอย่างแต่ก็เป็นสนิมด้วยไม่รู้จะเรียกว่าอะไร ผมทำการกำจัดมันออก ทำให้เห็นได้ว่าท่อมันไม่ได้ผุอะไรเลย จริง ๆ ผมว่ายังไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนนะครับ ถ้าใช้น้ำยาหม้อน้ำตลอด ราคาแพงเอาเรื่องอยุ่ ฝาครอบวาล์ว 1500 ท่อน้ำอีกสองท่อ1000
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น